Foreign, Commonwealth & Development Office Blogs

A unique insight into UK foreign and development policy

6th March 2015

Mark Kent, the British Ambassador to Thailand

by Mark Kent

British Ambassador to Argentina

British Ambassador's speech on CoST – สุนทรพจน์ในงานโครงการเพื่อความโปร่งใสในภาคการก่อสร้าง

ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยกำลังเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ Construction Sector Transparency Initiative (CoST) หรือ โครงการเพื่อความโปร่งใสในภาคการก่อสร้าง  ในการนี้ไทยได้ให้คำมั่นที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานสากลของ CoST ด้วยการวางระบบเปิดเผยข้อมูล เพื่อส่งเสริมความโปร่งใส เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐ ระบบเช่นนี้จะสร้างความเชื่อมั่นในการตัดสินใจ ช่วยให้การใช้จ่ายเป็นไปอย่างคุ้มค่า และแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของไทยในการจัดการกับความเสี่ยงของคอร์รัปชั่น  นับเป็นก้าวย่างที่กล้าหาญและน่ายินดีอย่างยิ่ง CoST เป็นโครงการที่ริเริ่มเมื่อปี 2551 โดยการสนับสนุนจากรัฐบาลอังกฤษและธนาคารโลก  มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกลไกและมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างภาครัฐในประเทศต่าง ๆ  CoST จะช่วยป้องกันการคอร์รัปชั่นในโครงการก่อสร้าง โดยวางระบบให้มีการรวบรวม วิเคราะห์ และแปลข้อมูล เพื่อเปิดเผยให้สาธารณชนเข้าใจและตรวจสอบได้ง่าย  ซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายเงินภาษีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด การที่ประเทศไทยตัดสินใจเข้าร่วมกับ CoST กระตุ้นให้เราทุกคนคิดถึงวิธีจัดการกับคอร์รัปชั่น การต่อสู้กับคอร์รัปชั่นในทุกประเทศล้วนเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง รัฐบาล ภาคเอกชน ข้าราชการ กองทัพ หรือประชาชนทั่วไป  การต่อสู้คอร์รัปชั่นเป็นหน้าที่พลเมือง ไม่ใช่จุดยืนทางการเมือง สังคมที่จัดการกับคอร์รัปชั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็มีความเป็นไปได้มากกว่า ที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากโอกาสที่เท่าเทียม เป็นอิสระจากอิทธิพลที่ไม่ชอบธรรม หรือระบบอุปถัมภ์ที่ไม่เหมาะสม โอกาสที่เท่าเทียมทำให้ประชาชนใช้ความสามารถได้อย่างเต็มที่ เลือกสิ่งที่ดีกว่าเพื่อตนเองและครอบครัว ซึ่งจะนำไปสู่ชีวิตที่เป็นประโยชน์และมีความหมายมากขึ้น มีความสงบสุขมากขึ้น และเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น คอร์รัปชั่นมักเกิดขึ้นในระบบราชการ และการบริหารงานที่มีความซับซ้อน ขาดการตรวจสอบ […]

Read more on British Ambassador's speech on CoST – สุนทรพจน์ในงานโครงการเพื่อความโปร่งใสในภาคการก่อสร้าง | Reply

24th December 2014

Mark Kent, the British Ambassador to Thailand

by Mark Kent

British Ambassador to Argentina

Remembering ย้อนมองปี 2557

เมื่อใกล้สิ้นปีเรามักจะมองย้อนกลับไปในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งเต็มไปด้วยความคิดและความรู้สึกต่างๆปะปนกัน สำหรับผมแล้วเป็นสิ่งที่ดีที่เราจะมองย้อนกลับไปในปี 2557 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป ในวันศุกร์ที่ 26 ธันวาคมนี้ ผมจะเดินทางไปยังจังหวัดพังงาเพื่อร่วมงานรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิในมหาสมุทรอินเดียเมื่อปี 2547 ซึ่งจัดขึ้นโดยรัฐบาลไทย ครบรอบ 10 ปีนับตั้งแต่เหตุการณ์ซึ่งมีผู้เสียชีวิตเกือบ 3 แสนคน โดยเป็นชาวอังกฤษ 151 คน (130 คนที่เสียชีวิตในประเทศไทย) ในวันดังกล่าวจะมีการวางหรีดที่อนุสรณ์รำลึกผู้เสียชีวิต ณ พิพิธภัณฑ์สถานประวัติศาสตร์ธรรมชาติในกรุงลอนดอน นับว่าเป็นวันที่เศร้าโศกอย่างยิ่ง มีคนจำนวนมากมายบอกเล่าประสบการณ์ต่างๆ ของเขาให้ผมได้รับฟัง ซึ่งเราขอร่วมรำลึกถึงผู้สูญเสียในเหตุโศกนาฏกรรมครั้งนั้น ปีนี้ยังเป็นปีที่ครบรอบ 100 ปีสงครามโลกครั้งที่ 1  ซึ่งในประเทศไทยนั้นได้จัดพิธีรำลึกขึ้นในเดือนสิงหาคมและพฤศจิกายนที่ผ่านมา  นอกจากนี้ทั่วโลกยังได้จัดฟุตบอลเพื่อรำลึก “การพักรบวันคริสต์มาส” ที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2457  ซึ่งทางสถานทูตอังกฤษได้จัดแข่งขันฟุตบอลขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีทีมจากประเทศอังกฤษ เยอรมันและไทยเข้าร่วมแข่งขัน  นอกจากนี้ในอีกสี่ปีข้างหน้าจะมีงานรำลึกทั้งในอังกฤษและประเทศอื่นๆ ผมขอขอบคุณสมาคมทหารผ่านศึกอังกฤษในประเทศไทยที่ได้ทำงานอย่างเต็มที่  นอกจากจะจัดงานต่างๆ มากมาย ทั้งงานวันรำลึกทหารที่เสียชีวิตในสงครามเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมาที่จังหวัดกาญจนบุรี  ทางสมาคมยังได้ดูแลสวัสดิการให้กับทหารผ่านศึกอังกฤษในประเทศไทยด้วย   ทางสถานทูตได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับทางสมาคม คุณเบิร์ต เอลสัน กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำพัทยาซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการสมาคมด้วย  หากท่านต้องการติดต่อกับสมาคมเพื่อร่วมงานต่างๆ […]

Read more on Remembering ย้อนมองปี 2557 | Reply

12th December 2014

Mark Kent, the British Ambassador to Thailand

by Mark Kent

British Ambassador to Argentina

Real rights for real people สิทธิที่แท้จริงสำหรับประชาชนที่แท้จริง

สัปดาห์นี้ผมได้เดินทางไปยังจังหวัดขอนแก่นเพื่อร่วมงาน “เทศกาลประจำปีสิทธิมนุษยชนอีสาน ครั้งที่ 7” ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นและมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีร่วมกันจัดขึ้นในวันที่ 10 ธันวาคม เพื่อร่วมฉลองวันสิทธิมนุษยชนสากล งานนี้มีผู้เข้าร่วมเป็นทั้งนักเคลื่อนไหวในชุมชนท้องถิ่นมากหน้าหลายตา ตลอดจนเพื่อน ๆ นักการทูตจากสถานทูตแคนาดา นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา สวีเดน และสหภาพยุโรป ปีนี้ไม่ใช่ปีที่ดีสำหรับสิทธิมนุษย ชนในประเทศไทย มีการจำกัดเสรีภาพอย่างมากในการแสดงความคิดเห็น การชุมนุม และสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอื่น ๆ ตั้งแต่เริ่มประกาศใช้กฎอัยการศึกเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา  การจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทำให้เกิดการเซ็นเซอร์ (รวมถึงเซ็นเซอร์ตัวเอง) ของสื่อมวลชน องค์กรอิสระ และสถาบันการศึกษา  ผลกระทบอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นคือเกิดการลดทอนคุณภาพของการถกอภิปรายในระดับประเทศเกี่ยวกับการปฏิรูปซึ่งตอนนี้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์กำลังดำเนินการอยู่   ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ผมว่าเป็นเรื่องดีที่ได้ไปภาคอีสานและฟังความคิดเห็นของนักเคลื่อนไหวที่นั่น ซึ่งมีมุมมองหลายอย่างที่ไม่ค่อยจะได้รับฟังในกรุงเทพฯ   สำหรับตัวผมเองก็ดีใจที่ได้กลับไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยขอนแก่นอีกครั้ง เพราะผมเคยเรียนภาษาไทยที่นั่นอยู่หลายเดือน ผมโตมาในหมู่บ้านเล็ก ๆ  จึงรู้เกี่ยวกับความยากลำบากที่ชุมชนห่างไกลต้องเผชิญ และรู้ว่าพวกเขาถูกมองข้ามและถูกมองเหมือนเป็นเด็ก ๆ ที่ต้องคอยปกป้องอย่างไร   ผมเชื่อมั่นในเรื่องโอกาสและเสียงที่เท่าเทียมกันของประชาชนทุกคน รวมถึงการได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันตามกฎหมาย  ลอนดอนไม่ใช่ประเทศอังกฤษ และกรุงเทพฯ ก็ไม่ใช่ประเทศไทย  ผมประทับใจที่ได้เห็นผู้สูงอายุลุกขึ้นเล่าเรื่องความยากลำบากของตัวเอง และเรื่องความตั้งใจที่จะทำให้อะไร ๆ ดีขึ้น  พวกเขาอาจจะขาดโอกาสการศึกษาในโรงเรียน แต่พวกเขาไม่โง่  พวกเขาต้องการให้ลูกหลานและชุมชนมีชีวิตที่ดีขึ้น  และพวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะต้องการแบบนั้น ในงานนี้ผมได้พูดเรื่องความสำคัญของเสรีภาพในการแสดงออกที่มีต่อวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง  เสรีภาพในการแสดงออก รวมถึงเสรีภาพของสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดีย เป็นสิทธิสำคัญที่จะทำให้ประชาชนได้รับข่าวสารอย่างเพียงพอ และสามารถลงคะแนนเสียงตามที่ตนเองสนใจได้  หากไร้ซึ่งสิทธิเหล่านี้ […]

Read more on Real rights for real people สิทธิที่แท้จริงสำหรับประชาชนที่แท้จริง | Reply

9th December 2014

Mark Kent, the British Ambassador to Thailand

by Mark Kent

British Ambassador to Argentina

The Costs of Corruption – ต้นทุนของการทุจริต

9 ธันวาคมเป็นวันต่อต้านการทุจริตโลก การทุจริตเป็นปัญหาระดับโลกที่ทำร้ายการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การเมือง และกสังคมของประเทศ การทุจริตเพิ่มต้นทุนที่ไม่จำเป็นในการทำธุรกิจและปิดกั้นโอกาสของบริษัทขนาดเล็กที่มีทรัพยากรน้อยกว่าจากการแข่งขันอย่างเป็นธรรม การทุจริตส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของทุกคน การทุจริตส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนที่เปราะบางที่สุดในสังคมเพราะมันทำให้ทรัพยากรทางเศรษฐกิจที่มีจำกัดหันเหจากกลุ่มคนที่จำเป็นมากที่สุดไปยังกลุ่มคนที่มีอำนาจทางการเงินและทางการเมืองที่มากกว่า เราไม่ควรอายที่จะพูดถึงการการทุจริตอย่างตรงไปตรงมา ผลการสำรวจความคิดเห็นเมื่อไม่นานมานี้โดยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒในประเทศไทย อ้างว่า “การทุจริตได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของความคิดผู้คนในประเทศไทยและการฉ้อโกงเป็นสิ่งที่ยอมรับได้” เมื่อเร็วๆ นี้เราได้เห็นการตื่นตัวด้านการเมืองที่เพิ่มขึ้นเรื่องการทุจริตในประเทศไทยผ่านกระบวนการต่อต้านการทุจริตทั้งบนท้องถนนและการถกกันในสื่อสังคมออนไลน์ ข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตได้ยึดครองพื้นที่ในระบอบการเมืองไทยมากขึ้น รัฐบาลชุดปัจจุบันกล่าวว่าการต่อต้านการทุจริตเป็นวาระสำคัญ เราทุกคนอยากจะเห็นการดำเนินการต่อต้านการทุจริตอย่างจริงจัง การทุจริตไม่ได้เป็นเพียงอุปสรรคต่อการทำธุรกิจแต่ยังกีดขวางการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ ประเทศไทยถูกจัดอันดับอยู่ที่ 85 จากทั้งหมด 175 ประเทศใน Corruption Perception Index โดย Transparency International ปี พ.ศ. 2557  คะแนนของประเทศไทยด้านการทุจริตในภาครัฐอยู่ที่ 38 จาก 100 (โดยที่ 0 คะแนนหมายถึงการทุจริตมาก และ 100 คะแนนหมายถึงปราศจากการทุจริต) จากทั้งหมด 28 ประเทศในเอเซียแปซิฟิค ประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 12 เป็นเรื่องที่น่าดีใจที่ประเทศไทยปีนี้ได้เลื่อนลำดับขึ้นจากปีที่แล้วแต่ยังคงมีอีกหลายอย่างที่ต้องดำเนินการ การทุจริตเป็นปัญหาระดับโลกรวมถึงประเทศอังกฤษด้วย หลายคนมองว่าการทุจริตเกิดจากความล้มเหลวด้านศีลธรรม บางคนมองไกลไปกว่านั้นโดยมองว่าการทุจริตขึ้นอยู่กับปัจจัยเกื้อหนุนต่างๆ การทุจริตเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจที่ขึ้นกับตัวบุคคล และการขาดการเข้าถึงข้อมูล รวมไปถึงกระบวนการบริการสาธารณะที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน การต่อสู้กับการทุจริตในระบบบริการสาธารณะต้องอาศัยระบบราชการที่จะเปลี่ยนผ่านกระบวนการตัดสินใจที่ซับซ้อนและขึ้นกับตัวบุคคล […]

Read more on The Costs of Corruption – ต้นทุนของการทุจริต | Reply

14th November 2014

Mark Kent, the British Ambassador to Thailand

by Mark Kent

British Ambassador to Argentina

Thailand's Choice ทางเลือกของประเทศไทย

ความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทยช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 มีผลต่อเศรษฐกิจ แต่ทันทีภายหลังรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ผมได้พบกับนักธุรกิจไทยและอังกฤษซึ่งมองในแง่ดีว่าความเชื่อมั่นทางธุรกิจน่าจะกลับมาสู่ประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจเริ่มหลุดพ้นจากภาวะตกต่ำ อย่างไรก็ตามนักธุรกิจอังกฤษที่ทำธุรกิจในประเทศไทยมาเป็นเวลานานคาดการณ์ว่าน่าจะมีการเสนอให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่ไม่เอื้อต่อการลงทุนจากต่างชาติอาจจะถูกนำขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง หลังจากถูกระงับไว้ในปีพ.ศ. 2550 ดูเหมือนว่านักธุรกิจจะคาดการณ์ถูกในทั้งสองประเด็น ความเชื่อมั่นทางธุรกิจได้กลับมาแล้ว แม้ว่าเศรษฐกิจไม่ได้ฟื้นตัวเร็วเท่าที่ต้องการก็ตาม และขณะนี้ได้มีการเสนอให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ทั้งสองสิ่งนี้มีความเชื่อมโยงกัน ถ้าข้อเสนอเรื่องการแก้ไขนี้ผ่าน โอกาสในการพัฒนาทางเศรษฐกิจของไทยก็จะมีความเป็นไปได้น้อยลง สำหรับคนที่ไม่ทราบเรื่องนี้มากนัก พระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวกำหนดข้อจำกัดเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคบริการ ซึ่งจำกัดการถือหุ้นของต่างชาติอยู่ที่ร้อยละ 49  ผลก็คือ นักลงทุนจากต่างประเทศจะเลือกที่จะถือหุ้นบุริมสิทธิ์เพื่อควบคุมธุรกิจและเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูง โครงการจัดฝึกอบรมต่างๆ และความมั่นคงของแบรนด์ มีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงนิยามความหมายของธุรกิจต่างด้าวภายใต้เงื่อนไขของพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดการป้องกันการถือหุ้นบุริมสิทธิ์ของนักลงทุนต่างประเทศที่ต้องการควบคุมธุรกิจของตนเอง คล้ายกับเมื่อปีพ.ศ.2550 ที่ทำให้เกิดความกังวลในหมู่นักลงทุนต่างประเทศในประเทศไทย หอการค้าต่างประเทศ และคนไทยหลายคนซึ่งเชื่อในเสรีภาพทางเศรษฐกิจ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมและบรรดานักการทูตจากสถานทูตอื่นๆเกิดความกังวล ซึ่งความวิตกของเรานั้นรวมไปถึงความเสี่ยงเนื่องจากกระบวนการการแก้ไขอาจไม่ได้ตระหนักถึงความกังวลของกลุ่มนักลงทุนด้วย ผมหวังว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ผมไม่ค่อยเข้าใจคือ เหตุใดถึงเกิดข้อเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงตอนนี้ ประเทศไทยมุ่งมั่นจะเป็นประเทศที่มีรายได้สูง และก็ควรจะเป็นเช่นนั้น รัฐมนตรีต่างๆของไทยกล่าวอยู่ทุกวันถึงแผนการลงทุนในด้านสาธารณูปโภค การศึกษา เศรษฐกิจแบบดิจิทัล การวิจัยและการพัฒนา เขาพูดถึงการทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แผนเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่ายกย่อง และบริษัทอังกฤษมีความสามารถหลากหลายที่จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วน เช่น เทคโนโลยี ประสบการณ์การจัดการโครงการที่แข็งแกร่ง และความสร้างสรรค์ชั้นนำของโลก เทคโนโลยี ความรู้ นวัตกรรม เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่ประเทศไทยแสวงหา […]

Read more on Thailand's Choice ทางเลือกของประเทศไทย | Reply

10th October 2014

Mark Kent, the British Ambassador to Thailand

by Mark Kent

British Ambassador to Argentina

Media should be responsible as well as free – สื่อมวลชนควรมีความรับผิดชอบมากเท่าๆ กับเสรีภาพ

หลายครั้งผมได้แสดงความคิดเห็นว่า สื่อมวลชนที่สามารถทำงานได้อย่างอิสระมีบทบาทสำคัญมากในสังคม  เพราะจะช่วยทำให้เกิดการเผยแพร่ข้อมูลและแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี ให้ความรู้แก่คนที่เสพข่าวสาร ทำให้ผู้มีอำนาจแสดงความรับผิดชอบ ในกรณีตัวอย่างเช่น ข่าวอื้อฉาวเรื่องการทุจริต เป็นต้น  อย่างไรก็ดี ในแต่ละสังคมควรมีความสมดุลระหว่างเรื่องที่อยู่ในความสนใจของผู้คนกับสิทธิส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนตัวซึ่งควรได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม   ดังนั้นสื่อมวลชนที่มีความรับผิดชอบจะต้องปฏิบัติตนอย่างมืออาชีพและมีจรรยาบรรณในการรายงานข่าวตามความเป็นจริง นี่คือประเด็นที่ทุกประเทศต้องเผชิญ  ในสหราชอาณาจักรในปี พ.ศ. 2555  ลอร์ดเลเวอสัน ได้เรียกร้องในเรื่องจรรยาบรรณ หลักปฏิบัติและวัฒนธรรมของสื่อมวลชน  ซึ่งได้ลงรายละเอียดในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสื่อมวลชนกับสาธารณชน  การดักฟังโทรศัพท์ และพฤติกรรมที่เข้าข่ายผิดกฎหมายอื่นๆ  รายงานของลอร์ดเลเวอสันยังได้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างสื่อมวลชนและตำรวจที่อยู่ในความสนใจของคนทั่วไป  นอกจากนี้ยังพูดถึงความสัมพันธ์ของสื่อมวลชนกับนักการเมือง และมีข้อเสนอแนะเรื่องนโยบายและข้อบังคับที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อสนับสนุนเสรีภาพและความซื่อตรงของสื่อ  ในขณะเดียวกันยังดำรงไว้ซึ่งมาตรฐานจริยธรรมขั้นสูงสุด  ท่านสามารถอ่านรายงานฉบับเต็ม (ภาษาอังกฤษ)ได้ที่นี่ ผมเกรงว่าบางประเด็นเหล่านี้ก็ปรากฎในประเทศไทยเช่นกัน อย่างในกรณีฆาตกรรมสะเทือนขวัญที่เกาะเต่าของฮันนา วิทเธอริดจ์ และเดวิด มิลเลอร์   ผมและท่านทูตจากประเทศอื่นๆ ได้เคยขอร้องสื่อมวลชนอยู่หลายครั้งให้เคารพความเป็นส่วนตัวของนักท่องเที่ยวและครอบครัวของพวกเขา  เป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่งที่จะต้องเห็นรูปหนังสือเดินทางของผู้ที่เสียชีวิตผ่านทางสื่อหรือโซเชียลมีเดีย  ในหนังสือเดินทางนั้นมีข้อมูลส่วนตัวและไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดกับการรายงานข่าว  ข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อหรือผู้เสียหายไม่สมควรถูกส่งต่อให้สื่อหรือทำการเผยแพร่ใดๆ ซึ่งสร้างความสะเทือนใจแก่ครอบครัวของผู้เสียหายหากต้องรับรู้ข้อมูลเหล่านี้ก่อนที่จะได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่   ตำรวจและเจ้าหน้าที่ของรัฐควรรับผิดชอบไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น  และไม่มีใครได้รับประโยชน์อันใดจากการเห็นภาพน่ากลัวและสะเทือนใจ  สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตในประเทศไทยเศร้าโศกและสะเทือนใจเป็นอย่างมาก  ในเวลาอันเศร้าโศกเช่นนี้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตควรจะได้รับความเป็นส่วน มิใช่ตกเป็นเป้าคุกคามจากสื่อ   ในขณะเดียวกัน สื่อมวลชนเองไม่ควรนำเสนอข่าวในทำนองด่วนตัดสินก่อนการดำเนินคดีอย่างเป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา  นี่คือประเด็นในเรื่องของจรรยาบรรณและการเคารพผู้อื่น  สิ่งเหล่านี้จะทำให้สื่อมวลชนในประเทศไทยเข้มแข็งขึ้น และยังรักษาชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะประเทศที่ต้อนรับขับสู้นักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเป็นมิตร  ทางสถานทูตจะพูดคุยประเด็นเหล่านี้กับสมาคมสื่อต่างๆ ของไทยต่อไป เราจะยินดีเป็นอย่างยิ่งหากสมาคมเหล่านั้นเห็นพ้องกับแนวทางการปฏิบัติเหล่านี้

Read more on Media should be responsible as well as free – สื่อมวลชนควรมีความรับผิดชอบมากเท่าๆ กับเสรีภาพ | Reply

12th September 2014

Mark Kent, the British Ambassador to Thailand

by Mark Kent

British Ambassador to Argentina

Global Joint Action Day on Climate Change – ความร่วมมือระดับโลกด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

สหราชอาณาจักรร่วมกับเยอรมนี ฝรั่งเศส และสหภาพยุโรป ได้ร่วมกันจัดงานวันความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 กันยายน ซึ่งในวันนั้นมีการจัดงานพร้อมกันทั่วโลก เพื่อเน้นย้ำว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะลงมือแก้ปัญหาเรื่องนี้กัน ในประเทศไทย สถานทูตอังกฤษสถานทูตเยอรมนี และสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยจัดงานเพื่อย้ำว่าเราต้องลงมือต่อสู้กับการเปลียนแปลงภูมิอากาศ และมันจะมีผลร้ายแรงมากถ้าพวกเราไม่ทำอะไรเลย หรือถ้าเราลงมือทำไม่เร็วพอ และเราต้องเผชิญเรื่องนี้ไปด้วยกัน เพราะเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือกลุ่มประเทศใดกลุ่มหนึ่งจะแก้ไขโดยลำพัง ทางเดียวที่จะทำได้คือ จะต้องมีความร่วมมือระดับโลกที่ทุกๆ ประเทศตกลงช่วยกันลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างจริงจังและปูทางไปสู่อนาคตที่ปริมาณคาร์บอนต่ำและยั่งยืน หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบร้ายแรงที่ผู้คนต้องเผชิญถ้าเราทำไม่ได้ในวันงานเราได้เปิดตัวแผนที่ของกรมอุตุนิยมวิทยาของสหราชอาณาจักรจัดทำขึ้นเพื่อสำรวจผลกระทบต่อมนุษย์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศแผนที่นี้จะแสดงให้เห็นถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศไปจนถึงสิ้นศตวรรษนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทรัพยากรน้ำ ความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วม การผลิตพืชผลการเกษตร จำนวนปลาในน้ำและด้านอื่นๆ แผนที่นี้เตือนพวกเราให้เห็นถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นถ้าเราไม่ลงมือทำอะไรเลย ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความท้าทายอีกประการก็คือ ประชากรที่เพิ่มขึ้นก็จะทำให้ความต้องการอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้นไปด้วย ผลกระทบบางข้อก็เริ่มเห็นแล้วในขณะนี้ ผมอยู่ที่ประเทศไทยเมื่อน้ำท่วมใหญ่ในปี พ.ศ. 2554 ตอนนั้นผมยังไม่ใช่ทูตอังกฤษแต่เป็นนักเรียนอยู่ เรียนภาษาและวัฒนธรรมไทยอยู่ที่กรุงเทพฯ และขอนแก่น ผมจำได้ดีว่าน้ำท่วมทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินมากมาย ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของผู้คนและเศรษฐกิจของประเทศ ผมจำได้ว่าตอนนั้นน้ำดื่มและอาหารขาดแคลนมีคนนับแสนต้องย้ายออกจากบ้านของตนเอง ผมยังจำได้อีกว่า สมัยผมเป็นทูตที่เวียดนาม เกิดพายุหนัก และไต้ฝุ่นก่อความเสียหายมากมาย นี่คือภาพที่ค่อยๆ คุ้นตามากขึ้นอย่างน่าเศร้าใจทั่วโลก และมันจะเกิดขึ้นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำลายทรัพย์สินและความปลอดภัย ถ้าเราไม่เปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเราจะต้องแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เราต้องลงมือเดี๋ยวนี้ และเราต้องทำไปด้วยกันครับ

Read more on Global Joint Action Day on Climate Change – ความร่วมมือระดับโลกด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ | Reply

5th September 2014

Mark Kent, the British Ambassador to Thailand

by Mark Kent

British Ambassador to Argentina

การศึกษา

การศึกษาเป็นพื้นฐานของการพัฒนาในทุกๆ สังคม ทั้งทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี การเมืองและวัฒนธรรม  รัฐบาลส่วนใหญ่ตระหนักดีในข้อนี้และผลักดันให้การศึกษาเป็นส่วนสำคัญของนโยบาย แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆ ในเวลาอันรวดเร็ว  ในความเป็นจริงอาจจะใช้เวลาหลายชั่วอายุคนที่จะยังให้นโยบายการศึกษาผลิดอกออกผลเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะก้าวผ่านระบบ  ซึ่งเราจะไม่เห็นผลในทันที  ทัศนคตินั้นจะค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ  การใช้เทคโนโลยีนั้นสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ แต่คุณภาพของผู้สอนและวิธีการสอนก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ผมเล็งเห็นสิ่งต่างๆ เหล่านี้ผ่านประสบการณ์ด้านการศึกษาของตัวผมเอง  ผมเรียนโรงเรียนมัธยมของรัฐแถวๆ บ้าน  ต้องขอบคุณอาจารย์ทุกท่าน ที่ผมได้รับการตอบรับให้เข้าเรียนต่อด้านกฎหมายในมหาวิทยาลัย  ตอนนั้นผมไม่มีความรู้ด้านกฎหมายมากนัก แต่มีหนังสือเกี่ยวกับอาชีพต่างๆ ในห้องสมุดเล็กๆ ที่โรงเรียนเกี่ยวกับอาชีพทนายซึ่งอ่านดูแล้วน่าสนใจมากทีเดียว  และผมก็คิดว่าผมจะลองสมัครเข้าเรียนดู  ชีวิตในมหาวิทยาลัยของผมเป็นประสบการณ์ที่เยี่ยมยอดมาก  สอนให้ผมมีความรู้ความสามารถ  ที่จะตัดสินประเด็นต่างๆ ด้วยข้อเท็จจริงและไม่กลัวที่จะตั้งคำถาม  ข้อโต้เถียงที่ไม่สมเหตุสมผลไม่สามารถพลิกมาเป็นข้อดีได้เพียงเพราะว่าคนที่พูดนั้นเป็นคนใหญ่คนโต   หลังจากนั้น ผมได้ไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศในทวีปยุโรป  และนั่นก็เป็นประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป  ผมชอบสังคมและการใช้ชีวิตที่นั่นมาก แต่ก็ผิดหวังอย่างมากกับการเรียนการสอน  ผมจำได้ว่า ครั้งหนึ่งระหว่างที่อาจารย์บรรยายอยู่ในชั้นเรียน อาจารย์พูดว่า “ถ้าคุณอยากได้คะแนนสูงๆ ตอนทำข้อสอบ ให้จดสิ่งที่ผมพูด แล้วเอาไปตอบข้อสอบตามนั้น”  นั้นไม่ใช่การเรียนรู้หรือพัฒนาการศึกษาอะไรเลย  มันเป็นเพียงการทดสอบความจำ หรือถ้าจะพูดแรงๆ ก็คือความพยายามในการล้างสมอง ในทำนองเดียวกัน ถ้าวิธีการเรียนการสอนสำคัญ วิชาที่สอนก็มีความสำคัญเช่นกัน  มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยจำเป็นต้องสอนวิชาต่างๆ ที่เกี่ยวกับความต้องการของสังคม  ตัวอย่างอันหนึ่งได้แก่ การศึกษาระดับอาชีวะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เพื่อให้นักเรียนอาชีวะมีทักษะที่จำเป็นในการทำงานและได้มีงานที่ดี  ดังนั้นจึงควรมีการร่วมมือกันระหว่างภาคการศึกษากับภาคอุตสาหกรรมให้มากขึ้น  ในสหราชอาณาจักร เราเห็นการทำงานร่วมกันระหว่างภาคเอกชนกับการศึกษา เช่น บริษัท โรลส์รอยซ์  มีความร่วมมือกับภาคการศึกษาตั้งแต่ระดับโรงเรียนไปจนถึงงานวิจัยระดับปริญญาเอก  และศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เป็นต้น สหราชอาณาจักรยังถูกมองว่าเป็นผู้นำโลกด้านการศึกษา และมีนักศึกษาต่างชาติจำนวนมากนิยมเดินทางมาศึกษาต่อ  สหราชอาณาจักรก็เหมือนกันกับประเทศอื่นๆ ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ  แต่ด้วยคุณภาพการศึกษา ประกอบกับประสบการณ์ในการใช้ชีวิตในสังคมที่มีความหลากหลาย มีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และความสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่าว ทำให้มีนักเรียนต่างชาติเดินทางมาศึกษาต่อจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ   นอกเหนือจากประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปแล้ว ประเทศไทยติดหนึ่งในสิบของประเทศที่มีนักเรียนเดินทางมาศึกษาต่อในสหราชอาณาจักรมากที่สุด  ในปีที่ผ่านมามีนักเรียนไทยเดินทางมาศึกษาต่อถึง 8 พันคน หากท่านสนใจข้อมูลเพิ่มเติม มีเว็บไซต์ในอินเตอร์เน็ตมากมายที่มีประโยชน์ เช่น เว็บไซต์ UCAS  เกี่ยวกับการสมัครเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย  หรือท่านสามารถติดต่อ บริติช […]

Read more on การศึกษา | Reply (2)

27th August 2014

Mark Kent, the British Ambassador to Thailand

by Mark Kent

British Ambassador to Argentina

Beginning blogging again

ผมกลับมาเขียนบล็อกอีกครั้งหลังจากหายไปเกือบ 4 ปี ผมเคยเขียนเมื่อตอนเป็นทูตที่เวียดนาม จากนั้นมาผมก็ไปใช้ทวิตเตอร์  ตอนนี้ผมจะพยายามทำพร้อมๆกันทั้งสองอย่าง ในการเขียนบล็อกครั้งแรกนี้ผมจะพยายามเขียนเกี่ยวกับตัวผมครับ ผมเติบโตจากหมู่บ้านเล็กๆในชนบทของประเทศอังกฤษที่แคว้นลิงคอล์นเชียร์ พ่อของผมเป็นเกษตรกรและก็ขับรถบรรทุก ส่วนแม่ของผมเป็นครู ผมเรียนในโรงเรียนประจำท้องถิ่น และมีโอกาสได้ไปเรียนกฏหมายที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และได้เรียนต่อปริญญาโทด้านกฎหมายยุโรปและเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ประวัติการทำงานของผมดูได้ที่นี่  ผมเป็นข้าราชการมาตลอดชีวิตการทำงานของผม และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมือง บล็อกของผมเสนอความคิดเห็นและมุมมองส่วนตัวของผม ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องเป็นความเห็นของรัฐบาลอังกฤษ ผมจะพยายามอธิบายถึงนโยบายของสหราชอาณาจักรอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยจะเน้นที่ประเทศไทยและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับสหราชอาณาจักร ผมจะพยายามเขียนบล็อกเป็นรายสัปดาห์ ดังนั้น ผมจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมโดยเกริ่นนำถึงสิ่งที่ผมเชื่อมั่นและประเด็นต่างๆที่ผมจะเขียนถึง  ด้านสถาบันพระมหากษัตริย์  ในฐานะเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยผมเป็นผู้แทนพระองค์สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง ผมได้เข้าเผ้าพระองค์สองครั้งก่อนปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเอกอัครราชทูต สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก ผมเทิดทูนสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี และผมก็ตระหนักถึงความจงรักภักดีอันท่วมท้นที่ประชาชนชาวไทยมีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยเช่นกัน สถาบันพระมหากษัตริย์อังกฤษได้ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสังคมในระยะเวลาที่ผ่านมาและเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนส่วนใหญ่ เช่น เมื่อครั้งที่สมเด็จพระราชินีนาถทรงปรากฏพระองค์ในกีฬาโอลิมปิกลอนดอน 2012   ความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระราชินีนาถไม่ได้เกิดจากการใช้กฏหมายใดบังคับ  คนที่ไม่นิยมสถาบันพระมหากษัตริย์มีจำนวนน้อย แต่พวกเขาได้รับเสรีภาพในการยึดมั่นกับความเห็นของตน ผมเชื่อในการปกครองระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และเชื่อว่าไม่มีความจำเป็นต้องเลือกระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาธิปไตย ทั้งสองอยู่ด้วยกันได้อย่างดี ด้านประชาธิปไตย โดยย่อ ดังที่อับราฮัม ลินคอล์นกล่าวไว้ว่า “การปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน” ประชาธิปไตยนั้นไม่สมบูรณ์แบบ โดยอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ วินสตัน เชอร์ชิลเคยกล่าวไว้ว่า เป็นระบบการปกครองที่แย่ที่สุด ถ้าไม่นับระบบอื่นทั้งหมดที่ได้ลองกันมา นอกจากนั้น […]

Read more on Beginning blogging again | Reply (8)